การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance: PM) สำหรับระบบสำรองไฟฟ้า (UPS) เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในองค์กร ทั้งในโรงงาน อาคารสำนักงาน หรือศูนย์ข้อมูล การดูแลรักษาที่ถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และทำให้ระบบสำรองไฟสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ความสำคัญของการ PM ระบบ UPS
ระบบสำรองไฟฟ้า (UPS – Uninterruptible Power Supply) เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยจ่ายไฟสำรองโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุไฟดับ ไฟตก หรือไฟกระชาก เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบ IT ล่ม กระบวนการผลิตหยุดชะงัก หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ขาดพลังงานในเวลาวิกฤติ การละเลยการบำรุงรักษาอาจทำให้ UPS ไม่สามารถทำงานได้เมื่อถึงเวลาจำเป็น ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจอย่างร้ายแรง
ขอบเขตการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
การ PM UPS ที่มีประสิทธิภาพควรครอบคลุมทั้งระบบวงจรไฟฟ้าภายในตัวเครื่อง ระบบแบตเตอรี่ และซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงาน โดยมีรายการตรวจสอบหลักที่ควรดำเนินการเป็นประจำ ดังนี้
ระบบแบตเตอรี่ (Battery Bank)
- ตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าแบตเตอรี่แต่ละลูกให้เป็นไปตามค่ามาตรฐาน
- ตรวจสอบอายุการใช้งานและสถานะการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ เพื่อวางแผนการเปลี่ยนก่อนเกิดปัญหา
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อและขั้วแบตเตอรี่ให้แน่นหนาและปลอดจากคราบออกไซด์
ระบบชาร์จไฟ (Charging Circuit)
- ตรวจสอบการทำงานของวงจรชาร์จว่ามีความเสถียรหรือไม่
- ตรวจสอบอุณหภูมิและระบบระบายความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนสะสมที่อาจทำให้อุปกรณ์เสียหาย
วงจรควบคุมและหน้าจอแสดงผล
- ตรวจสอบค่าการแสดงผลต่าง ๆ บนหน้าจอให้ตรงตามค่าปกติ
- ทดสอบฟังก์ชันควบคุม เช่น Auto Restart, Bypass Mode และการแจ้งเตือนสถานะการทำงาน
ระบบพัดลมระบายความร้อน
- ตรวจสอบให้พัดลมทำงานได้ตามปกติ
- ทำความสะอาดเพื่อป้องกันการอุดตันจากฝุ่นที่อาจทำให้เครื่องทำงานหนักและเกิดความร้อนสูง
ระบบแจ้งเตือนและเสียงสัญญาณ (Alarm & Beep)
- ตรวจสอบความแม่นยำของระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุผิดปกติ
- ทดสอบเสียงสัญญาณ Beep และการแสดงสถานะต่าง ๆ ให้แน่ใจว่าสามารถเตือนผู้ดูแลได้ทันท่วงที
ระบบสำรองไฟและเวลา Backup
- ทดสอบการตัดไฟจริงเพื่อดูว่า UPS สามารถจ่ายไฟสำรองได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
- เปรียบเทียบระยะเวลา Backup กับข้อมูลสเปกของเครื่อง เพื่อประเมินความพร้อมและวางแผนเปลี่ยนแบตเตอรี่ล่วงหน้า
ข้อควรระวังเพิ่มเติมในการบำรุงรักษา
แม้ว่าการ PM จะช่วยลดความเสี่ยงในการเสียหายของระบบได้มาก แต่ยังมีรายละเอียดสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ดังนี้
- ไม่ควรรอให้ UPS เสียก่อนจึงค่อยตรวจสอบ
การแก้ไขหลังเกิดเหตุจะทำให้เกิด Downtime และความเสียหายต่อระบบ ควรมีแผนการ PM เชิงรุกเป็นประจำ - หลีกเลี่ยงการติดตั้ง UPS ใกล้แหล่งความร้อนหรือความชื้น
สิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมส่งผลต่ออายุการใช้งานและประสิทธิภาพของเครื่องโดยตรง ควรเลือกตำแหน่งติดตั้งที่อากาศถ่ายเทสะดวกและมีความชื้นต่ำ - ไม่ปล่อยให้ฝุ่นสะสมในเครื่อง
ฝุ่นเป็นสาเหตุสำคัญของการอุดตันระบบระบายความร้อนและการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ ควรรวมการทำความสะอาดภายในเป็นส่วนหนึ่งของแผน PM เสมอ - ตรวจสอบปลั๊กไฟและสายเชื่อมต่อให้ปลอดภัยอยู่เสมอ
ปลั๊กหรือขั้วต่อที่หลวมสามารถทำให้เกิดไฟตก ไฟกระชาก และปัญหาการจ่ายไฟไม่สม่ำเสมอ ควรตรวจสอบและขันให้แน่นอยู่เป็นประจำ
สรุป
การบำรุงรักษาระบบสำรองไฟฟ้า UPS อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ เป็นหัวใจสำคัญในการรักษาความต่อเนื่องของระบบไฟฟ้าในองค์กร การดำเนินการ PM ตามแผนที่ชัดเจนและครอบคลุม จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดความเสี่ยงจากเหตุไฟฟ้าขัดข้อง และทำให้ UPS พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์
อ่านบทความเต็มได้ที่ : https://np-eng.co.th/blog/how-to-keep-ups-ready-all-time-by-preventive-maintenance/
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.itbtthai.com/category/itbt-activities/
เรียงเรียงโดย : จิราพร เผื่อแผ่