Data Center

พลังงานนิวเคลียร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI (Nuclear Power For AI Infrastructure)

การขยายตัวอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้สร้างความต้องการพลังงานไฟฟ้าในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน โครงสร้างพื้นฐาน AI ตั้งแต่การฝึกอบรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ไปจนถึงการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ทั่วโลก ล้วนต้องการแหล่งพลังงานที่มั่นคงและต่อเนื่อง ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ แสวงหาแนวทางที่ยั่งยืนและปราศจากคาร์บอน พลังงานนิวเคลียร์ได้กลายเป็นทางเลือกหลักที่มีศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน AI อย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ ความต้องการพลังงานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ดังนี้ พลังงานนิวเคลียร์ในฐานะทางออกสำหรับ AI พลังงานนิวเคลียร์มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของโครงสร้างพื้นฐาน AI ได้อย่างลงตัว การประยุกต์ใช้และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง ความสัมพันธ์ระหว่าง AI และพลังงานนิวเคลียร์เป็นไปในลักษณะเกื้อกูลกัน (Synergistic) โดยมีแนวโน้มสำคัญดังนี้ ความท้าทายและข้อควรพิจารณา แม้ว่าพลังงานนิวเคลียร์จะมีศักยภาพสูง แต่ยังคงมีความท้าทายที่ต้องพิจารณา ดังนี้ บทสรุป ในยุคที่ AI กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด พลังงานนิวเคลียร์นำเสนอทางออกที่เป็นรูปธรรมสำหรับความท้าทายด้านพลังงานที่ยั่งยืน ด้วยคุณสมบัติการจ่ายพลังงานที่ต่อเนื่อง ปราศจากคาร์บอน และมีความหนาแน่นสูง ประกอบกับนวัตกรรมอย่าง SMRs ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้พลังงานนิวเคลียร์มีศักยภาพที่จะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน AI แห่งอนาคต ควบคู่ไปกับการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศโลก ที่มา: https://technologicinnovation.com/ อ่านบทความเพิ่มเติมที่ :  https://www.itbtthai.com/category/itbt-activities/ เรียบเรียงโดย : ณฐพงศ์ กลัดพรหม

0
Read More

การยกระดับ Data Center สู่ยุคใหม่: การวิเคราะห์ความสำคัญของ Network Fabric ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานหลักสำหรับ Cloud และ AI

การมาถึงของกระบวนทัศน์ (Paradigm) ด้าน Cloud Computing และภาระงาน (Workloads) ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการจราจรข้อมูล (Traffic Patterns) ภายใน Data Center อย่างมีนัยสำคัญ โดยเปลี่ยนจากรูปแบบ North-South (Client-to-Server) ไปสู่รูปแบบ East-West (Server-to-Server) ที่มีปริมาณมหาศาล สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบลำดับชั้น 3-Tier ดั้งเดิม (Traditional 3-Tier Architecture) ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความหน่วงแฝง (Latency) และปัญหาคอขวด (Bottlenecks) ไม่สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้วิเคราะห์ว่า Network Fabric โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาปัตยกรรม Spine-Leaf ได้กลายเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็น (Indispensable Component) หรือ “หัวใจ” (Core) ที่ขาดไม่ได้ ซึ่งมอบประสิทธิภาพ (Performance), ความสามารถในการขยายขนาด (Scalability) และความคล่องตัว (Agility) ที่จำเป็นต่อการปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของสภาพแวดล้อม Cloud และ AI การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ได้ผลักดันให้องค์กรต่างๆ นำเทคโนโลยี Cloud (ทั้ง Private, Public และ Hybrid) และ Artificial Intelligence (AI) มาใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินงาน เทคโนโลยีเหล่านี้มีคุณลักษณะร่วมกันคือ การประมวลผลแบบกระจาย (Distributed Computing) ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายของ Data Center ในอดีต…

0
Read More

บทบาทของ Network ในการขับเคลื่อน Data Center ยุค Cloud

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การดำเนินงานขององค์กรจำนวนมากอาศัยระบบ Cloud Computing เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการข้อมูลและลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี การประมวลผลแบบคลาวด์ทำให้สามารถเข้าถึงทรัพยากรคอมพิวเตอร์ได้จากทุกที่ทุกเวลา อย่างไรก็ตาม การทำงานของระบบดังกล่าวขึ้นอยู่กับ “โครงสร้างเครือข่าย (Network Infrastructure)” ที่มีประสิทธิภาพและมีความเสถียรสูงดังนั้น Network จึงถือเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้ Data Center สามารถให้บริการ Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านความเร็ว ความปลอดภัย และความต่อเนื่องในการให้บริการ บทบาทของ Network ต่อ Data Center ในยุค Cloud 1. การเชื่อมโยงและการรับส่งข้อมูลภายในศูนย์ข้อมูล ภายใน Data Center มีองค์ประกอบจำนวนมาก เช่น เซิร์ฟเวอร์ (Server), ระบบจัดเก็บข้อมูล (Storage), และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย (Security Device) ซึ่งต้องสื่อสารกันตลอดเวลา ระบบเครือข่ายจึงทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักในการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์ประกอบเหล่านี้ หากเครือข่ายไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ อาจส่งผลให้เกิดความล่าช้า (Latency) หรือการสูญหายของข้อมูล (Data Loss) ซึ่งกระทบต่อการทำงานของระบบ Cloud โดยตรง 2. การรองรับการขยายตัวของระบบ Cloud (Scalability) Cloud Computing มีลักษณะเด่นคือความสามารถในการขยายทรัพยากรแบบอัตโนมัติ (Auto-Scaling) เพื่อรองรับปริมาณผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น เครือข่ายที่ดีจึงต้องสามารถปรับขนาด (Flexible Network Architecture) และรองรับการรับส่งข้อมูลที่เพิ่มขึ้นได้โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ เทคโนโลยี Software Defined Networking (SDN) จึงถูกนำมาใช้เพื่อให้สามารถบริหารจัดการและกำหนดนโยบายของเครือข่ายผ่านซอฟต์แวร์ได้อย่างยืดหยุ่น 3. การเชื่อมต่อระหว่าง Data Center และระบบ Cloud…

0
Read More

การบำรุงรักษาระบบสำรองไฟฟ้า (UPS) เพื่อความพร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง

การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance: PM) สำหรับระบบสำรองไฟฟ้า (UPS) เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในองค์กร ทั้งในโรงงาน อาคารสำนักงาน หรือศูนย์ข้อมูล การดูแลรักษาที่ถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และทำให้ระบบสำรองไฟสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ความสำคัญของการ PM ระบบ UPS ระบบสำรองไฟฟ้า (UPS – Uninterruptible Power Supply) เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยจ่ายไฟสำรองโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุไฟดับ ไฟตก หรือไฟกระชาก เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบ IT ล่ม กระบวนการผลิตหยุดชะงัก หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ขาดพลังงานในเวลาวิกฤติ การละเลยการบำรุงรักษาอาจทำให้ UPS ไม่สามารถทำงานได้เมื่อถึงเวลาจำเป็น ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจอย่างร้ายแรง ขอบเขตการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน การ PM UPS ที่มีประสิทธิภาพควรครอบคลุมทั้งระบบวงจรไฟฟ้าภายในตัวเครื่อง ระบบแบตเตอรี่ และซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงาน โดยมีรายการตรวจสอบหลักที่ควรดำเนินการเป็นประจำ ดังนี้ ระบบแบตเตอรี่ (Battery Bank) ระบบชาร์จไฟ (Charging Circuit) วงจรควบคุมและหน้าจอแสดงผล ระบบพัดลมระบายความร้อน ระบบแจ้งเตือนและเสียงสัญญาณ (Alarm & Beep) ระบบสำรองไฟและเวลา Backup ข้อควรระวังเพิ่มเติมในการบำรุงรักษา แม้ว่าการ PM จะช่วยลดความเสี่ยงในการเสียหายของระบบได้มาก แต่ยังมีรายละเอียดสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ดังนี้ สรุป การบำรุงรักษาระบบสำรองไฟฟ้า UPS อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ เป็นหัวใจสำคัญในการรักษาความต่อเนื่องของระบบไฟฟ้าในองค์กร การดำเนินการ PM ตามแผนที่ชัดเจนและครอบคลุม จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดความเสี่ยงจากเหตุไฟฟ้าขัดข้อง และทำให้ UPS พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ อ่านบทความเต็มได้ที่ : https://np-eng.co.th/blog/how-to-keep-ups-ready-all-time-by-preventive-maintenance/อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.itbtthai.com/category/itbt-activities/เรียงเรียงโดย…

0
Read More

Zero Trust Network: ความปลอดภัยแบบใหม่ที่ทุกองค์กรควรรู้

ในสภาพแวดล้อมดิจิทัลปัจจุบัน องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ทั้งจากผู้ไม่หวังดีภายนอกและความเสี่ยงภายในองค์กรเอง โมเดลการรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิมซึ่งอาศัยการสร้าง “ขอบเขตเครือข่าย” (Perimeter Security) และเชื่อว่าทุกสิ่งภายในเครือข่ายสามารถเชื่อถือได้ (Trust but Verify) จึงไม่เพียงพออีกต่อไป แนวคิด Zero Trust Network หรือ Zero Trust Security จึงเกิดขึ้น โดยมีหลักการสำคัญคือ “Never Trust, Always Verify” หมายถึง ไม่เชื่อถือผู้ใช้หรืออุปกรณ์ใดโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือนอกเครือข่ายองค์กรก็ตาม หลักการของ Zero Trust โมเดล Zero Trust อาศัยองค์ประกอบสำคัญดังนี้ ข้อดีของการประยุกต์ใช้ Zero Trust ตัวอย่างการนำไปใช้ในองค์กร สรุป Zero Trust Network เป็นแนวทางด้านความปลอดภัยที่เหมาะสมกับยุคที่เครือข่ายไร้ขอบเขตและเต็มไปด้วยความเสี่ยงจากทั้งภายนอกและภายใน องค์กรที่นำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้ จะสามารถยกระดับการป้องกันภัยไซเบอร์ ลดผลกระทบจากการโจมตี และสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน อ่านบทความเพิ่มเติมที่ :  https://www.itbtthai.com/category/itbt-activities/ เรียบเรียงโดย : อลิตา จันทร์เพ็ชร

0
Read More

ระบบ Data Center สำคัญอย่างไร? : กุญแจสู่ความอยู่รอดขององค์กรในยุคดิจิทัล 2025

ระบบ Data Center: กุญแจสู่ความอยู่รอดขององค์กรในยุคดิจิทัล 2025 ต่อให้คุณย้ายระบบขึ้นคลาวด์ทั้งหมด ธุรกิจก็ยังพึ่งพา “ศูนย์ข้อมูล” อยู่ดี — จะเป็น On-Premises, Colocation หรือศูนย์ข้อมูลของผู้ให้บริการคลาวด์ก็ตาม ขาดมัน = หยุดขาย หยุดบริการ และเสียความเชื่อมั่นทันที ถ้าต้องการทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยประเมินช่องว่าง (Gap) และวางแผนปรับปรุง โยกย้าย หรือทำ DR/BCP เริ่มได้ที่ ติดต่อ ITBT หรือดู บริการออกแบบ Data Center ตาม TIA-942 และ ที่ปรึกษา ISO/IEC 27001. Data Center คืออะไร (สั้น กระชับ ใช้ได้จริง) Data Center คือระบบโครงสร้างพื้นฐานที่รวม “ไฟฟ้าสำรอง, ทำความเย็น, เครือข่าย, ความปลอดภัย และการเฝ้าระวัง” เพื่อให้แอปและข้อมูลทำงานได้ เสถียร ปลอดภัย ต่อเนื่อง 24×7 5 เหตุผลที่ทำให้ Data Center คือ “กุญแจสู่ความอยู่รอด” สถาปัตยกรรมที่เลือกได้: On-Prem, Colo, Cloud, Hybrid โมเดล เหมาะกับใคร จุดเด่น ข้อพิจารณา On-Premises DC องค์กรที่ต้องคุมทุกอย่างเอง คุมความปลอดภัย/คอนฟิกได้ลึก CapEx สูง ต้องมีทีมดูแล Colocation…

0
Read More

การดูแลรักษา Server อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด?

การดูแลรักษา Server อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด? ในยุคดิจิทัลที่ธุรกิจต้องพึ่งพาเทคโนโลยี เซิร์ฟเวอร์ (Server) ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบไอทีที่ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น ตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูล การสื่อสาร ไปจนถึงการให้บริการออนไลน์ต่าง ๆ ดังนั้นการดูแลรักษา Server ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดจึงเป็นสิ่งที่องค์กรไม่ควรมองข้าม ทำไมต้องดูแลรักษา Server อย่างสม่ำเสมอ? แนวทางการดูแลรักษา Server ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 1. การอัปเดตระบบและซอฟต์แวร์ 2. การตรวจสอบฮาร์ดแวร์ 3. การติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ 4. การสำรองข้อมูลและแผนกู้คืนระบบ (Backup & Disaster Recovery) 5. การเสริมความปลอดภัย เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สรุป การดูแลรักษา Server ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงในการหยุดทำงาน แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย ยืดอายุการใช้งาน และทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในยุคดิจิทัล องค์กรควรมีทั้งแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกันและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า Server จะทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพและปลอดภัย อ่านบทความเต็มได้ที่ : https://kirbtech.com อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.itbtthai.com/category/itbt-activities/ เรียงเรียงโดย : จิราพร เผื่อแผ่

0
Read More

Green Data Center: เมื่อศูนย์ข้อมูลหันมารักษ์โลก

💬 Green Data Center คืออะไร? Green Data Center หรือ ศูนย์ข้อมูลสีเขียว คือ ศูนย์ข้อมูลที่ออกแบบและดำเนินงานโดยเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ใช้พลังงานทดแทน และรีไซเคิลความร้อนที่เกิดจากการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ ทำไมต้องเป็น Green? ปกติ Data Center: ถ้าไม่มีการจัดการที่ดี จะกลายเป็น “ผู้บริโภคพลังงานมหาศาล” และสร้าง “มลพิษ” ให้โลกมากขึ้นเรื่อย ๆ เทคโนโลยีที่ทำให้ Data Center กลายเป็น “สีเขียว” 🌞 1. พลังงานทดแทน (Renewable Energy) ❄️ 2. ระบบระบายความร้อนอัจฉริยะ ♻️ 3. การใช้ความร้อนทิ้งให้เกิดประโยชน์ 🤖 4. ระบบอัตโนมัติและ AI ตัวอย่างจริงของ Green Data Center ระดับโลก 🟢 Google Data Center (ฟินแลนด์) 🟢 Facebook Data Center (ลูลีอา, สวีเดน) 🟢 Microsoft Project Natick ใช้งานได้จริงในทะเลลึก สภาพแวดล้อมเสถียร ไม่มีเสียง ไม่มีฝุ่น ประโยชน์ของ Green Data Center ด้าน ประโยชน์ 💵…

0
Read More

Server Room vs Data Center ต่างกันอย่างไร? ธุรกิจของคุณเหมาะกับอะไร?

ในยุคที่ธุรกิจขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีถือเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องวางให้มั่นคง หนึ่งในคำถามยอดฮิตจากผู้ประกอบการคือ: “เราควรใช้แค่ห้อง Server หรือจำเป็นต้องลงทุนกับ Data Center?” บทความนี้จะพาคุณแยกแยะความแตกต่าง พร้อมแนะแนวว่าแบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณมากที่สุด Server Room คืออะไร? Server Room คือห้องขนาดเล็กหรือปานกลางที่ใช้เก็บอุปกรณ์ IT เช่น Server, Switch, Storage และ UPS ซึ่งมักติดตั้งอยู่ภายในสำนักงานขององค์กร คุณสมบัติทั่วไป: ข้อดี: ข้อจำกัด: Data Center คืออะไร? Data Center คือศูนย์กลางข้อมูลขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย ความเสถียร และความสามารถในการรองรับโหลดงานจำนวนมาก เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการทำงานต่อเนื่อง 24/7 คุณสมบัติทั่วไป: ข้อดี: ข้อจำกัด: แล้วธุรกิจของคุณควรเลือกอะไร? สรุป หากคุณเพิ่งเริ่มต้น หรือระบบของคุณยังเล็ก Server Room อาจเพียงพอ แต่ถ้าธุรกิจคุณต้องการความต่อเนื่อง เสถียร และปลอดภัยสูงสุดในระยะยาว การลงทุนกับ Data Center หรือใช้บริการ Co-location จะช่วยลดความเสี่ยง และวางรากฐานให้ธุรกิจคุณเติบโตอย่างมั่นคง

0
Read More

5 ปัจจัยสำคัญในการเลือกสถานที่ตั้ง Data Center

การเลือกสถานที่ตั้งของ Data Center ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมีผลโดยตรงต่อความเสถียรของระบบ ความปลอดภัย และต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว หากเลือกพลาด องค์กรอาจต้องแบกรับความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นทั้งทางกายภาพและไซเบอร์ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 5 ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อวางแผนตั้ง Data Center 1. ความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Reliability) 2. ความปลอดภัยทางกายภาพ (Physical Security) 3. ระยะทางจากผู้ใช้งานและศูนย์กลางธุรกิจ (Proximity to Users and Business Centers) 4. ต้นทุนและภาษี (Cost and Tax Considerations) 5. การขยายตัวและอนาคต (Scalability & Future Proofing) สรุป การเลือกสถานที่ตั้ง Data Center เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ต้องพิจารณารอบด้าน ทั้งด้านเทคนิค ความปลอดภัย และต้นทุน การวางแผนให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นจะช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการระบบ IT ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นคง และเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว แจกฟรี! Template Checklist การตรวจสอบสถานที่ตั้ง Data Center

0
Read More
Contact Us

บริษัท ไอ ที บี ที คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ที่อยู่ : 170/372 หมู่ 1 ตำบลบางคูวัด
อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี 12000
Tel/Fax : 02-1014461
Hotline 24 ชม. : 091-7598087
Email 1 : service@itbtthai.com
Email 2 : itbtthai@gmail.com
Line ID : @itbtthai (มี @ ด้านหน้า)
Fanpage : ITBT Technology Solutions System

office hours

วันทำการ : จันทร์ – ศุกร์
(เว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์)
เวลาทำการ : 08:30 – 17:30 น.

DBD Registered

Copyright 2020 © ITBT Corporation Co., Ltd. All Rights Reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save